"ท่านผอ.คะ....เขาพูดลามกกับหนูค่ะ"
"เขาพูดลามกอย่างไร"
"เขาชวนหนูไปห้องสมุดค่ะ"
ท่านที่อ่านหนังสือพิมพ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาคงได้เห็นการ์ตูนที่ดิฉันยกคำพูดมาให้อ่านกันข้างบน เป็นช่วงที่ดิฉันได้ไปศึกษาดูงานที่โรงเรียนไทยรัฐวิทยา ๗๕ ซื้อหนังสือพิมพ์อ่านตอนเช้าจึงรู้ว่าห้องสมุดมีบริการใหม่ เป็นการให้บริการโดยไม่ได้ตั้งใจจนถูกร้องเรียนว่าห้องสมุดกลายเป็นแหล่งมั่วสุม และให้บริการทางเพศ เมื่อถูกหนังสือพิมพ์ลงข่าวห้องสมุดต่างๆ พากันร้อนตัวเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะห้องสมุดประชาชน อันมีอยู่ทุกจังหวัดและหลายๆ อำเภอ
ดิฉันเป็นครูประถมศึกษา ดูแลห้องสมุดโรงเรียน ให้บริการห้องสมุด หนอนหนังสือของดิฉันยังตัวเล็กอยู่ เด็กไม่ได้รักการอ่านมากมายอย่างที่ดิฉันหวังไว้ แต่จะมีกลุ่มหนึ่งที่ยืมหนังสือเป็นประจำทุกวัน จะมีบางส่วนเข้ามาเล่นอย่างเดียว บางคนยกหนังสือออกมาเป็นตั้งๆ รื้อและรื้อ....เปิด....เปิด.....เล่น....แล้วเดินออกไปจากห้องสมุดแต่มีเหมือนกันที่ตั้งใจเข้ามาอ่านหนังสือ เลือกและยืมไปอ่านทั้งๆ ที่อ่านหนังสือไม่คล่อง อ่านช้า.....ยืมไปอ่านที่บ้าน ยืมเถอะลูก....ครูไม่ว่าเลยหากทำให้หนูอ่านหนังสือได้มากขึ้น
หลังข่าวความเสื่อมเสียของห้องสมุด ดิฉันเดินวนเวียนหาจุดบกพร่องที่เป็นมุมมืด จุดอับที่มองไม่เห็น รักษาความสะอาดและจัดหนังสือให้เป็นระเบียบมากขึ้นกว่าเดิม แต่เนื่องจากลูกค้าของดิฉันอายุยังไม่เกิน ๑๓ ปี จึงไม่มีปัญหาอย่างที่พบในหน้าหนังสือพิมพ์ กลับพบปัญหาใหญ่ที่ครูทุกคนต้องแบกไว้ตลอดคือ จะทำอย่างไรให้นักเรียนอ่านออกเขียนได้ต่างหาก???.......
มีนักเรียนรุ่นน้องมาขอสมัครเป็นบรรณารักษ์น้อย ช่วยรุ่นพี่ในการรับ-ส่งหนังสือ คงคิดว่าเยี่ยมจริงๆ ที่ได้นั่งเคาเตอร์ให้บริการในการยืม-รับส่งหนังสือจากเพื่อน และมีหลายคนที่อ่านหนังสือช้า เขียนทีละตัว แต่อยากเป็นบรรณารักษ์ ดิฉันไม่เคยปฏิเสธในการทำงานของเด็ก อย่างน้อยการที่เด็กอยู่กับหนังสือจะช่วยให้เขาอ่านหนังสือได้ดีขึ้น
ช่วงนี้ทุกโรงเรียนกำลังเร่งรัด เข้มข้นกับการทดสอบเด็กทุกช่วงชั้นที่จริงไม่น่าเกี่ยวกับห้องสมุดเลย เพียงแต่ถ้าครูใช้แหล่งเรียนรู้จากห้องสมุดในการใช้อินเทอร์เน็ตในการค้นหาข้อสอบก็จะเกี่ยวกันทันที การสอบจะมีผลต่อการเลื่อนและกำหนดตำแหน่งของครูด้วย วิธีการนี้ดิฉันว่าดี ผลงานทางวิชาการจะไร้ความหมายหากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนในความรับผิดชอบของท่านไม่มีการพัฒนา โรงเรียนของดิฉันเป็นศูนย์สอบ ดังนั้นหลายๆ โรงเรียนใกล้เคียงจะพานักเรียนมาสอบ บางโรงเรียนมีนักเรียนอยู่ ๑๐ คน อ่านไม่ออก ๔ คน เด็กทั้ง ๔ คนครูหาทางออกง่ายๆ ด้วยการระบายทึบในช่องบกพร่องทางการเรียนรู้ ท่านผู้อ่านเห็นทางออกของครูมั้ย......วิธีสุดท้ายที่ครูไม่สามารถแก้ตัวได้คือ โทษพื้นฐานของเด็ก...ก็มันโง่เอง...เป็นมาแต่พ่อแม่มาแล้ว....
ดิฉันจัดตารางให้ทุกห้องเรียนสามารถนำนักเรียนมาใช้บริการห้องสมุด...แต่ส่วนใหญ่ที่ครูใช้คือไปวาดรูปที่ห้องสมุด ก็ยังดี.....ไปอ่านหนังสือห้องสมุด......ครูล่ะอยู่ที่ไหนเมื่อเด็กเข้ามาที่ห้องสมุด????.......