วันเสาร์ที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑

อายไหม?..... ที่คนไทยอ่านหนังสือน้อย

ตัวเลขสำรวจรอบใหม่ที่มาบอกกล่าวกันในงาน "มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ ๑๒" โดยสมาคมผู้พิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือบอกว่า คนไทยอ่านหนังสือปีละ ๒ เล่ม
"คนไทยชอบดู ชอบฟัง ชอบพูด แต่ยังไม่ชอบการอ่านเท่าที่ควร"นายกรัฐมนตรี พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์กล่าว "การรู้หนังสือจึงเป็นการช่วยสร้างคนและสร้างชาติ" ยังเป็นคำกล่าวที่ถูกต้องและทันสมัย
ขณะที่คนไทยอ่านหนังสือปีละ ๒ เล่มนั้น คนเวียตนามอ่านปีละ ๖๐ เล่ม คนสิงคโปร์อ่านปีละ ๔๕ เล่ม แปลว่าอะไร? สถิติอย่างนี้ย่อมหมายความว่าเด็กไทยจะโตขึ้นด้วยจินตนาการและความคิดที่คับแคบกว่าเยาวชนของเวียตนามและสิงคโปร์ และนั่นก็ย่อมหมายความว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ความสามารถในการแข่งขันกับคนอื่นในทุกๆ ด้านก็จะลดน้อยลงและสถานภาพของประเทศที่เคยอยู่แถวหน้าของเอเชียอาคเนย์ก็จะอ่อนแอลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การสร้างนิสัยการอ่านคือการสร้างชาติ เพราะการอ่านทำให้เกิดความคิด จินตนาการ และความกล้าหาญทางจริยธรรม ที่สำคัญกว่านั้นคือ การอ่านทำให้คนมีสมาธิมากกว่าการดูทีวี ฟังวิทยุ หรือเล่นอินเทอร์เน็ต เพราะขณะที่อ่านหนังสือ เราต้องคิดและจินตนาการไปด้วย ทำให้เกิดความคิดเห็นด้วย ขัดแย้งหรือต่อยอดไปจากที่ได้อ่าน
การส่งเสริมให้เกิดนิสัยการอ่านนั้นต้องมาจากรัฐและเอกชนที่ต้องประสานกันอย่างใกล้ชิด ตลอดจนพ่อแม่ผู้ปกครอง และครูบาอาจารย์ที่โรงเรียนจะต้องสร้างบรรยากาศของการอ่านการแลกเปลี่ยนความรู้และการถกกันในเนื้อหาที่อ่านมา เริ่มต้นง่ายๆ ก็คือการที่รัฐบาลต้องทำให้ค่าใช้จ่ายในการพิมพ์หนังสือนั้นถูกลงกว่านี้อย่างเห็นได้ชัด หาไม่แล้ว ความพยายามที่จะส่งเสริมให้เยาวชนไทยอ่านหนังสือก็ไม่อาจจะประสบความสำเร็จได้ ราคาหนังสือที่เวียตนาม สิงคโปร์ จีนและอินเดียนั้นถูกกว่าของไทยเราไม่น้อยกว่าร้อยละ ๒๐-๓๐
นั่นคือข้อแตกต่างที่สำคัญต่อการสร้างวัฒนธรรมการอ่านของคนไทย เพราะถ้าหากหนังสือยังแพงและเป็นสิ่งหายก การผลักดันให้คนไทยอ่านหนังสือก็ย่อมเป็นไปไม่ได้
คนไทย "ทำบุญ" ด้วยวิธีการต่าง ๆ และใช้เงินโดยไม่คิดมาก เพื่อหวังจะได้ "ขึ้นสวรรค์" กันมากๆ แต่กลับไม่สนใจที่จะบริจาคหรือช่วยกันพิมพ์หนังสือ สร้างห้องสมุด หรือจัดกิจกรรมให้เด็กไทยได้อ่านหนังสือมากขึ้น

บทความนี้ตัดจากหนังสือนิตยสารชีวจิต ฉบับปักษ์หลังเดือนธันวาคม ๒๕๕๐

ดิฉันเป็นครู สอนภาษาไทย ดูแลห้องสมุดเสียด้วยซิ ถามว่าอายไหมที่สอนเด็กแล้วอ่านหนังสือไม่ออก

อายค่ะ......โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กในความรับผิดชอบ ไม่โยนกลองโทษว่าเป็นเพราะพื้นฐานเด็ก ครอบครัว สิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเด็ก ฯลฯ เท่าที่ได้แก้ปัญหา เด็กจะอ่านได้หากเขาได้รับความสนใจ ยกเว้นเด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้หรือเด็กพิการทางสมอง

เด็กที่อ่านหนังสือไม่ออกเขาบกพร่องอย่างไร......?........
ขาดความอบอุ่นทางครอบครัว อยู่กับย่า/ยาย/ญาติที่ไม่เข้าใจในเรื่องของการอ่านเขียนเรียนรู้ ร้านเกม แหล่งมั่วสุมมีมากมายแม้กระทั่งที่บ้านของเด็กเอง การที่ถูกครูดุหรือลงโทษยิ่งทำให้ไม่อยากมาเรียนมากขึ้น การอ่านยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ดิฉันเคยให้กำลังใจเด็กคนหนึ่งเมื่อเรียกเขามาอ่านหนังสือให้ฟัง และบอกว่า "อีกหน่อยวันดีจะอ่านได้เร็วกว่านี้จริงๆ นะ" เนื่องจากเด็กอ่านหนังสือไม่ออก อ่านช้ามาก แต่ดิฉันไม่รู้เลยว่านั่นคือพลังใจที่สำคัญ เมื่อดิฉันส่งเด็กถึงฝั่ง เรือจ้างลำถัดไปมาเล่าให้ฟังว่า "วันดีอ่านหนังสือได้ดีมาก" เขาเล่าอีกว่าดิฉันเป็นคนเติมเชื้อไฟในการอ่านให้เขา ทำให้เขาคิดว่า ต้องอ่านได้เหมือนคนอื่นๆ นี่คือตัวอย่างหนึ่งจากเด็กหลายๆ คนที่อ่านหนังสือได้ด้วยกำลังใจ


เพื่อนๆของดิฉันบอกว่าหลังเกษียณมีการวางแผนกิจการมากมาย ทำร้านกาแฟ ร้านอาหาร ดูแลสวนยางพารา สวนผลไม้ ฯลฯ

ดิฉันสะสมหนังสือไว้พอประมาณ ส่วนใหญ่หนังสือแปล ตำรวจน่าจะมารับบริการใช้ห้องสมุดได้มาก เพราะเป็นหนังสือแนวสืบสวน นอกนั้นเป็นหนังสือการศึกษา และเด็ก เคยฝันเล่นๆ อยากจะทำห้องสมุดหน้าบ้าน มีเครื่องถ่ายเอกสารสำหรับนักเรียนที่ต้องการ มีอินเทอร์เน็ตสำหรับการค้นคว้า(ไม่อนุญาตให้เล่นเกม) มีกาแฟให้ดื่ม (อ่านหนังสือจบ ๓๐ หน้ารับเอสเพรสโซ ๑ ถ้วย) ทุกอย่างฟรีแต่จะมีคนมาใช้บริการรึเปล่า หากคนไทยยังอ่านหนังสือปีละ ๒ เล่ม ???.....




1 ความคิดเห็น:

rchatsiri กล่าวว่า...

อยากอ่านมาก ๆ ผมซื้อมาดองที่ห้องก็เยอะครับแม่ - -''